Category: Online Marketing & SEO Training
Category: Online Marketing & SEO Training
การนำดิจิตอล Marketing มาใช้ในการเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจ
การใช้นโยบายในการตัดราคา นอกจากจะทำให้ธุรกิจของเราค่อนข้างไม่น่าเชื่อถือ และจะทำให้กำไรน้อยลงอีกด้วย จึงควรหันมาให้ความสนใจกับการทำ Testimonials มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจ SME ที่มีการแข่งขันสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งอาจจะสู้เจ้าใหญ่ไม่ได้ การที่ได้รับคำชมเชยจากลูกค้าถือว่าเป็นการทำให้ธุรกิจของเราเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น Testimonials คืออะไร? สำคัญกับธุรกิจอย่างไร Testimonials คือ คำชมเชย หรือการบอกเล่าประสบการณ์ที่ประทับใจในการใช้สินค้า/บริการ ของลูกค้า ซึ่งอยากจะบอกเล่าให้กับผู้อื่นได้ทราบโดย Testimonial ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแบรนด์ให้คนทั่วไปได้รู้จัก เช่นเมื่อมีคนมาชมแบรนด์ของเรา แล้วลูกค้ากลุ่มเดียวกัน ที่มี Life style คล้ายๆกัน (อาจจะเป็นกลุ่มคนที่มีอายุใกล้เคียงกัน อาชีพเดียวกัน หรือมีประสบการณ์เดียวกัน) เมื่อเห็นว่าคนๆนั้นได้สิ่งที่ดีจากเราไป ก็จะทำให้เกิดความมั่นใจในการตัดสินใจซื้อสินค้า/บริการของเรามากขึ้น Testimonials ควรเริ่มทำอย่างไรดี ควรกำหนดเวลาที่จะรวบรวม Testimonials อย่างจริงจัง อย่าปล่อยให้มันกลายเป็นเรื่องที่ทำหรือไม่ทำก็ได้ Testimonials ถูกจัดทำขึ้นเพื่อสะท้อนสิ่งที่เราอยากจะบอกกับลูกค้า ขอความคิดเห็นจากลูกค้าเสมอ เพราะมีลูกค้าเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะทำให้ จึงต้องทำมันอย่างสม่ำเสมอ และหลังจากที่ลูกค้าทำเสร็จแล้ว ก็ควรขอบคุณลูกค้าที่สละเวลามาทำให้ บางทีคุณอาจจะร่างบทพูดให้ลูกค้าก่อน ให้ลูกค้าสามารถรู้ได้ว่า ควรจะพูดออกมายังไง เพื่อให้ไม่เป็นการเสียเวลาของลูกค้ามากจนเกินไป ปัญหาของลูกค้าคืออะไร มีช่องทางการติดต่อกับลูกค้าอย่างไร (อาจจะหมายถึงการที่บริษัทเราถูกแนะนำจากลูกค้าคนก่อนๆ) ผลตอบแทนที่ลูกค้าได้จากบริษัทของคุณเป็นอย่างไร ได้ผลดีไหม
Detailsกลยุทธ์การทำการตลาดออนไลน์ 2018-2019
กลยุทธ์การทำการตลาดออนไลน์สำหรับปี 2018-2019 สำหรับธุรกิจ SME ในปัจจุบันการแข่งขันการทางธุรกิจบนตลาดออนไลน์นั้น มีความเข้มข้นขึ้นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการทำ SEO (Search Engine Optimization) เพื่อให้เว็บไซต์ของเราขึ้นไปอยู่หน้าแรกๆหรืออับดับต้นๆของ Google Search Engine หรือจะเป็นการโฆษณาบนโซเชี่ยลมีเดียต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, YouTube, Instagram ซึ่งในวันนี้เราก็อยากที่จะมาแชร์แนวคิดในการทำการตลาดที่เหมาะสมกับปัจจุบันกันครับ ก่อนอื่น เราควรหาวิธีการทำการตลาดออนไลน์ (digital marketing) อย่างเป็นระบบ ซึ่งการที่เราสร้างกระบวนการทำงานให้เป็นระบบจะช่วยให้การทำการตลาดนั้นมีความสม่ำเสมอและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การสร้างระบบงานสำหรับการทำการตลาดออนไลน์ Planning (การวางแผนกลยุทธ์การตลาดออนไลน์) ในการวางแผนกลยุทธ์ด้านการตลาดออนไลน์ เราควรวางแผนก่อนเสมอว่า เราควรทำการตลาดบนแพลตฟอร์มไหน งบประมาณเท่าไร จะใช้สื่อมีเดียอะไรในการสื่อสารไปยังลูกค้า และสิ่งที่สำคัญคือลูกค้าในแพลตฟอร์มนั้นๆมีพฤติกรรมอย่างไร ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าใน Facebook มีพฤติกรรมที่ชอบดูรูปภาพ พร้อมกับอ่านโพสประกอบ ซึ่งเราก็ควรจะมีรูปภาพสวยๆประกอบ บวกกับข้อความที่ชัดเจน กระชับ น่าอ่านไม่น่าเบื่อเป็นต้น และกรณีที่เราจะทำวิดีโอลงบนเฟสบุ๊ค เราก็อาจจะทำวิดีโอให้มีความกระชับชัดเจน เป็นต้น อีกหนึ่งสิ่งคือเราก็ควรจะวางแผนด้วยว่า จะวัดผลอย่างไร Content Creation (การสร้างคอนเทนต์) การสร้างคอนเทนท์ให้น่าสนใจจะเป็นผลที่ได้จากการวางแผนในขั้นตอนการวางแผน ว่าเราควรจะผลิตสื่อคอนเท้นท์แบบไหนให้ตรงใจกับกลุ่มผู้ชมให้มากที่สุด
DetailsGoogle Webmaster Tools
Google Webmaster Tools คืออะไร? Google Webmaster Tools หรือที่ตัวย่อสั้นๆว่า GWT เป็นเครื่องมือเบื้องต้นที่ Google ได้จัดทำไว้ให้กับเจ้าของหรือผู้ดูแลเว็บไซด์ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซด์ของตน เช่น จำนวนผู้เยี่ยมชมในแต่ละวัน คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องที่ผู้ใช้ Google นิยมใช้ในการค้นหา ความผิดปรกติของเว็บไซด์ เป็นต้น ซึ่งผู้ดูแลจัดการเว็บไซด์สามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรับปรุงเว็บไซด์ของตนเองให้ดียิ่งขึ้น สำหรับนักโปรโมทเว็บไซด์ (Search Engine Optimization หรือ SEO) เครื่องมือ GWT ถือเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์เป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปวิเคราะห์เว็บไซด์ของลูกค้าที่ตนดูแล เพื่อนำไปใช้ในการโปรโมทเว็บไซด์ให้แสดงผลบนลำดับต้นๆของ Google Search Engine ได้ Google Webmaster Tools มีเครื่องมืออะไรที่น่าสนใจบ้าง ลองมาดูกันครับ Site Dashboard หน้า Dashboard เป็นหน้ารวมของการแสดงผลใน Google Webmaster Tools ณ สถานะปัจจุบัน (Current Status) โดยประกอบด้วย Crawl
DetailsGoogle AdWords vs SEO
การโฆษณา Google AdWords vs SEO การโฆษณาออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโฆษณาบน Google ที่เรียกกันว่า “Google AdWords” (หรือที่ภาษาไทยเรียกว่า “กูเกิลแอดเวิร์ด”) กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากผู้ที่ต้องการทำการโฆษณาสามารถจำกัดงบประมาณในการลงโฆษณาได้ตามความเหมาะสม ซึ่งต่างจากการโฆษณาแบบเดิมๆ เช่น โทรทัศน์ ป้ายโฆษณา นิตยสารที่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนในการโฆษณาแต่ละครั้งเป็นอย่างมาก โฆษณากูเกิลแอดเวิร์ดปรากฏที่ส่วนไหนของกูเกิล? หลายๆท่านที่เคยใช้ Google ในการค้นหาเว็บไซด์น่าจะเคยสังเกตเห็นตัวหนังสือสีเหลืองๆส้มๆที่มีคำว่า “โฆษณา” อยู่ด้านบนสุดหรือด้านขวามือของผลการค้นหา เว็บไซด์ที่ปรากฏขึ้นในส่วนนี้เกิดจากการโฆษณากูเกิลแอดเวิร์ดนั่นเอง สังเกตจากรูปด้านล่าง เราลองพิมพ์ค้นหาด้วยคำว่า “หลังคาเมทัลชีท” บนหน้าค้นหาของ Google จะพบว่ามี 3 โฆษณาของกูเกิลแอดเวิร์ดปรากฏขึ้น อยู่เหนือส่วนของ รูปภาพสำหรับ หลังคาเมทัลชีท ค่าใช้จ่ายในการทำโฆษณากูเกิลแอดเวิร์ดมีลักษณะเป็น Pay-Per-Click (PPC) หรือคิดเป็นราคาต่อการกดคลิกหนึ่งครั้งโดยผู้ใช้งาน ซึ่งแต่ละคำจะมีค่าใช้จ่ายไม่เท่ากันในแต่ละครั้ง เช่น คำว่า “หลังคาเมทัลชีท” อาจมีค่าใช้จ่ายอยู่ในระหว่าง 30-40 บาท/คลิก โดย Google จะมีมูลค่าการโฆษณาที่แนะนำ (Suggested bid) ไว้ให้ การใช้งาน Google AdWords
Details